ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เรือนเงาแค้น | เรื่องสั้นสไตล์นิยาย โดย ท่านางข้าม

 ในห้วงแห่งกาลเวลาที่ไหลเวียนไม่หยุดยั้ง มีเรื่องราวอันน่าสะพรึงกลัวเล่าขานกันมาช้านาน เรื่องราวของบาปกรรมที่ตามหลอกหลอนผู้กระทำไม่รู้จบ


ณ หมู่บ้านอันห่างไกล มีหญิงสาวนามว่า "นวล" ผู้มีจิตใจโหดเหี้ยม นางได้กระทำบาปอันใหญ่หลวงด้วยการฆ่าสามีของตนเองเพื่อชิงทรัพย์สมบัติ

หลังจากนั้น นวลก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายด้วยเงินทองที่ได้มา แต่ความสุขนั้นไม่ยั่งยืน ในยามราตรี นางมักจะได้ยินเสียงกระซิบและเห็นเงาสามีที่ถูกฆ่าตามหลอกหลอนอยู่เสมอ


คืนหนึ่ง ขณะที่นวลกำลังหลับใหลอย่างสบายใจ เงาของสามีก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำดุจเลือด มันจ้องมองนางด้วยความโกรธแค้นและเอื้อมมือมาบีบคอ

นวลตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจสุดขีด นางพยายามดิ้นรนแต่ก็ไม่เป็นผล เงาของสามียังคงบีบคอแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งนางสิ้นลมหายใจ

หลังจากนวลสิ้นลมหายใจ ร่างของนางก็แน่นิ่งไปพร้อมกับเงาสามีที่ค่อยๆ จางหายไปในความมืด เหลือเพียงความเงียบสงัดและความรู้สึกหนาวเหน็บที่แผ่ซ่านไปทั่วบ้าน


ข่าวการตายของนวลแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างหวาดกลัวและเชื่อว่าเป็นการแก้แค้นของวิญญาณสามีที่ถูกฆ่า บ้านของนวลกลายเป็นสถานที่ต้องห้าม ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้


หลายปีผ่านไป บ้านหลังนั้นก็ทรุดโทรมลงตามกาลเวลา แต่เรื่องราวของนวลและบาปกรรมที่นางก่อก็ยังคงถูกเล่าขานสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น


ในยุคปัจจุบัน มีกลุ่มวัยรุ่นอยากรู้อยากเห็นได้เดินทางมาพิสูจน์ความจริงที่บ้านร้างหลังนั้น พวกเขาไม่เชื่อเรื่องผีสางและคิดว่าเป็นเพียงนิทานหลอกเด็ก "แกคิดว่าเรื่องผีนวลเป็นเรื่องจริงเหรอวะ" หนึ่งในวัยรุ่นถามเพื่อน "ไม่รู้สิวะ แต่ก็น่าลองดีนะ" เพื่อนตอบ

พวกเขาเดินเข้าไปในบ้านอย่างไม่เกรงกลัว ความมืดและความเงียบทำให้บรรยากาศวังเวงน่าขนลุกทันใดนั้น ไฟในบ้านก็ติดขึ้นเองโดยไม่มีสาเหตุ เสียงหัวเราะของผู้หญิงดังก้องไปทั่วบ้าน วัยรุ่นทั้งกลุ่มหันมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตระหนก

ทั้งกลุ่มวิ่งหนีออกจากบ้านอย่างไม่คิดชีวิต พวกเขาวิ่งจนสุดกำลังโดยไม่หันหลังกลับไปมอง

เมื่อกลับถึงหมู่บ้าน พวกเขาก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ชาวบ้านฟัง ชาวบ้านต่างพากันเชื่อว่าเป็นฝีมือของผีนวลที่ยังคงเฝ้าบ้านอยู่ นับแต่นั้นมา ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปในบ้านร้างหลังนั้นอีกเลย เรื่องราวของนวลกลายเป็นตำนานที่เล่าขานกันมาจนถึงทุกวันนี้


ทว่า เรื่องราวกลับผลิกผัน เมื่อหลายปีต่อมา มีนักข่าวสาวคนหนึ่งชื่อ "เมย์" ได้ยินเรื่องราวของนวล เธอสนใจและตัดสินใจเดินทางไปยังหมู่บ้านเพื่อสืบหาความจริง เมย์ได้พบกับ "ยายเมี้ยน" หญิงชราผู้เป็นหลานสาวของนวล ยายเมี้ยนเล่าเรื่องราวของนวลให้เมย์ฟัง พร้อมกับเปิดเผยความลับที่ไม่มีใครรู้

"จริงๆ แล้ว นวลไม่ได้ฆ่าสามีของนางหรอก" ยายเมี้ยนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "แล้วใครเป็นคนฆ่าล่ะคะ" เมย์ถามอย่างสงสัย

"ไม่มีใครฆ่าใครทั้งนั้น สามีของนวลป่วยเป็นไข้ป่า และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนนวลนอกจากสามีแล้วก็ไม่รู้จักใครในหมู่บ้านเลย เวลาไม่นานนางจึงตรอมใจตายตามสามีไป ชาวบ้านในยุคนั้นก็ตีกันไปเป็นตุเป็นตะต่าง ๆ นานา ยายเองในสมัยนั้นก็ยังเด็ก พยายามช่วยอธิบายให้เขาฟังเขาก็ไม่เชื่อ" ยายเมี้ยนตอบ

เมย์ตกใจมาก เธอไม่คิดว่าเรื่องราวจะพลิกผันเช่นนี้ ยายเมี้ยนเล่าต่อว่า ก่อนจะตรอมใจจนเสียชีวิต นวลเป็นผู้หญิงที่น่าสงสาร นางถูกใส่ร้ายและต้องทนทุกข์ทรมานกับความเข้าใจผิดของชาวบ้านมาตลอดชีวิต

"ผีนวลไม่ได้เฝ้าบ้านเพื่อแก้แค้นหรอก นางแค่อยากให้ความจริงปรากฏ" ยายเมี้ยนพูด


เมย์รู้สึกเห็นใจนวล เธอตัดสินใจที่จะเปิดโปงความจริงให้โลกรู้ เมย์เขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องราวของนวลและเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต บทความของเมย์ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย

ความจริงถูกเปิดเผย นวลได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ชาวบ้านต่างรู้สึกเสียใจที่เคยเข้าใจนวลผิด ส่วนวิญญาณของนวล เมื่อความจริงปรากฏ นางก็จากโลกนี้ไปอย่างสงบสุข บ้านร้างหลังนั้นก็ไม่เคยมีใครพบเห็นผีอีกเลย


เรื่องราวนี้สอนให้รู้ว่า 

อย่าตัดสินคนจากข่าวลือ การตัดสินผู้อื่นจากข่าวลือหรือคำบอกเล่าของผู้อื่นอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดและนำไปสู่การทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ตั้งใจ



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมประจำเดือน

เนื้อเพลง "เมาคลีล่าสัตว์" หรือ "เมาคลีด๊านซ์" (มีคลิปล้อเลียน + คลิปต้นฉบับ)

จากกระแสดังในโลกโซเชียล เพลงลูกเสือ เมาคลีล่าสัตว์ วันนี้ทาง Blog จึงยกเอาเนื้อเพลง และคลิปล้อเลียนมาฝากกันครับ...

ที่มางานประเพณีชักพระ (ลากพระ) เดือน ๑๑ | ตัวอย่างงานจาก อบต.ท่าข้าม หาดใหญ่ [ท่านางข้าม]

 หากพูดถึงประเพณีชักพระ หรือลากพระ ซึ่งเป็นพระเพณีที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนานของทางภาคใต้ของประเทศไทย (จะพบประเพณีนี้เป็นส่วนใหญ่)

เมืองลับแล: แกะรอยตำนาน สู่เงาสะท้อนสังคมไทย [โดย ท่านางข้าม]

 เรื่องราวของ "เมืองลับแล" ได้หยั่งรากลึกในจินตนาการร่วมของสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ในฐานะดินแดนลี้ลับที่ซ่อนเร้นจากสายตาของโลกภายนอก