กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายวัยกลางคนชื่อลุงจวน อาศัยอยู่กับป้าทองดี ภรรยาของเขา ลุงจวนเป็นคนขี้บ่น มองโลกในแง่ร้าย คิดลบ ชอบโทษฟ้าโทษดิน ไม่เคยพอใจกับสิ่งที่มีอยู่
วันหนึ่ง สภาพอากาศร้อนจัด ท้องฟ้าดูจะโล่งไปหมด ไร้เมฆฝน ลุงจวนก้มมองทุ่งนาของตัวเองด้วยความกังวล "ร้อนเหลือเกิน! ปีนี้แล้งหนัก นาข้าวคงจะแห้งตายหมดแน่"
"ใจเย็น ๆ จวน ยังมีเวลาอีกตั้งหลายเดือน เดี๋ยวฝนก็คงจะตก" ป้าทองดีผู้เป็นภรรยาพูด
"ตกยังไงก็ไม่ทันแล้ว นาข้าวตายหมดแน่ ๆ บอกแล้วไงว่าปีนี้ไม่น่าปลูกข้าว" ลุงจวนพูดตอบ
"งั้น เอาแบบนี้มั้ย ก็ลองไปดูงานนิทรรศการที่กำนันจัดสิ เขาว่ามีนวัตกรรมใหม่ ๆ ช่วยให้เกษตรกรรับมือกับภัยแล้งได้" ป้าทองดีเสนอ
"เสียเวลาเปล่า นวัตกรรมบ้าพออะไรจะมาช่วยได้ ไร้สาระ!" ลุงจวนรีบตัดบทแบบไม่เปิดใจ
ป้าทองดีพยายามอธิบายว่าแค่ไปเยี่ยมชม คิดเสียว่าไปเที่ยว ไปเปิดหูเปิดตา และนวัตกรรมเหล่านี้อาจจะช่วยให้ลุงจวนมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ลุงจวนก็ไม่เชื่อ ในขณะที่งานนิทรรศการได้รับความสนใจจากชาวบ้านเป็นอย่างมาก หลายคนนำความรู้และนวัตกรรมที่ได้เรียนรู้ไปปรับใช้กับการเกษตร
ต่อมา ภัยแล้งก็เกิดขึ้นจริง นาข้าวของชาวบ้านหลายคนแห้งแล้ง ต้นข้าวตาย แต่สำหรับคนที่ไปดูงานนิทรรศการ นาข้าวของพวกเขายังเขียวขจี เพราะพวกเขาได้นำความรู้ใหม่ ๆ มาใช้ ลุงจวนเป็นหนึ่งในคนที่นาข้าวได้รับความเสียหาย เขาพยายามหาวิธีแก้ไข แต่ก็สายเกินไป นาข้าวของเขาตายหมด ลุงจวนไม่มีรายได้
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น "คุณลุงจวนครับ โอนเงินค่าปุ๋ยมาได้ยังครับ ยอดค้างอยู่สองหมื่นบาทแล้วนะครับ ลุงผลัดผมมาหลายงวดแล้ว ผมก็ต้องหมุนเงินเหมือนกันนะครับลุง"
ลุงจวนวางสายโทรศัพท์จากเจ้าหนี้ด้วยความเครียด เขารู้สึกเสียใจที่ไม่เชื่อคำพูดของป้าทองดี เขาคิดว่าถ้าเขาไปดูงานนิทรรศการ เขาคงจะได้เรียนรู้นวัตกรรมใหม่ ๆ และไม่ต้องมาเป็นหนี้สิน ในขณะที่ลุงจวนกำลังสิ้นหวัง ทันใดนั้น ป้าทองดีก็เดินมาหาลุงจวน
ป้าทองดี: “จวน ใจเย็น ๆ นะ ค่อย ๆ คิดหาวิธีแก้ไขกันไป อย่าเพิ่งท้อแท้ เราลองไปหาคำปรึกษาจากกำนันแดงดูไหม กำนันน่าจะมีทางช่วยเรา”
ลุงจวน: "ก็ได้ ลองไปดูก็ไม่เสียหายอะไร"
ณ บ้านกำนันแดง ท่านกำนันได้ให้คำปรึกษา และหาทางออกให้กับลุงจวน "ใจเย็น ๆ นะลุงจวน ปัญหามีไว้แก้ไข เราลองหาวิธีกัน ผมจะช่วยหางานให้ลุงจวนทำ และผมจะช่วยพูดกับเจ้าหนี้ให้ผ่อนผันการชำระหนี้"
ลุงจวน: "ขอบคุณครับกำนัน ผมซาบซึ้งในน้ำใจของพ่อกำนันมาก"
กำนันแดง: "ไม่เป็นไร เราเป็นเพื่อนบ้านกัน ช่วยเหลือกันได้เสมอ"
เวลาผ่านไปหลายเดือนต่อมา ลุงจวนกำลังขุดร่องน้ำเพื่อทำระบบน้ำหยดตามวิธีที่ได้เรียนรู้จากการนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาปรับใช้ ลุงจวนเปลี่ยนตัวเองเป็นคนมองโลกในแง่ดี รู้จักรับฟังคนอื่นด้วยไมตรียินดี และท้องทุ่งนาก็กลับมาเขียวขจีอีกครั้ง หนี้สินทุกอย่างผ่อนคลาย ความสุขในครอบครัวก็เกิดขึ้นในทุก ๆ วัน
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
การมองโลกในแง่ร้าย คิดลบ และปิดกั้นตัวเองจากการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ นั้น ส่งผลเสียต่อชีวิตของเรา แต่หากเรามองโลกในแง่ดี คิดบวก ช่วยให้สามารถหาทางออกให้กับปัญหาต่าง ๆ ได้ และการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ช่วยให้เรามีทักษะและความรู้ที่จำเป็นในการดำเนินชีวิต ปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกนะครับ
(คลิป)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น