ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เงาอดีต - เรื่องสั้นสไตล์นิยาย โดย ท่านางข้าม

 ในเมืองที่เต็มไปด้วยตำนานและความเชื่อ ที่ซึ่งอดีตและปัจจุบันเชื่อมโยงกันด้วยเงาแห่งเวรกรรม ที่นี่...ความลับดำมืดกำลังจะถูกเปิดเผย ความแค้นที่ฝังลึกกำลังจะถูกปลดปล่อย


ณ สถานีตำรวจ ภายในห้องทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสาร ผู้กองอัศวิน นายตำรวจหนุ่มไฟแรง กำลังอ่านรายงานคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง ใบหน้าของเขาเคร่งเครียด

ผู้กองอัศวิน: "ฆาตกรรมต่อเนื่อง 3 ศพ ในเวลาไม่ถึงเดือน ทุกศพมีรอยสักรูปเดียวกัน...รูปดอกบัว"

เมธาวี นักข่าวสาวสวย เดินเข้ามาในห้อง เธอเป็นเพื่อนเก่าของผู้กองอัศวินและสนใจในคดีนี้

เมธาวี: "ฉันได้ยินมาว่าคดีนี้มันแปลกๆ มีอะไรมากกว่าที่เห็นใช่ไหม?"

ผู้กองอัศวินพยักหน้า: "ใช่...มีบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล"

ณ วัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง ในเวลาช่วงเย็น

ผู้กองอัศวินและเมธาวีเดินทางมาถึงวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา บรรยากาศรอบๆ เต็มไปด้วยความเงียบสงบและความลึกลับ พวกเขาเดินเข้าไปในโบสถ์เก่าที่มืดสลัว หลวงพ่ออินทร์ เจ้าอาวาสวัด นั่งสมาธิอยู่ที่โบสถ์ ท่านลืมตาขึ้นเมื่อเห็นผู้มาเยือน

หลวงพ่ออินทร์: "โยมมาหาอาตมา มีธุระอะไรหรือ?"

ผู้กองอัศวินเล่าเรื่องคดีฆาตกรรมให้หลวงพ่ออินทร์ฟัง ท่านฟังอย่างตั้งใจแล้วกล่าวต่อไปว่า

หลวงพ่ออินทร์: "ดอกบัวนั้นเป็นสัญลักษณ์ของเวรกรรม อาตมาเกรงว่าคดีนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องราวในอดีต"

ณ บ้านร้าง เวลากลางคืน

กองอัศวินและเมธาวีตามเบาะแสมาถึงบ้านร้างหลังหนึ่ง บ้านหลังนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและเต็มไปด้วยข่าวลือเรื่องวิญญาณ พวกเขาเดินเข้าไปในบ้านอย่างระมัดระวัง เสียงประตูเก่าๆ ลั่นดังเอี๊ยดอ๊าด ภายในบ้านมืดสนิท มีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องลอดเข้ามาทางหน้าต่าง เมธาวีรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกและขนลุกซู่

เมธาวี: "ฉันรู้สึกไม่ดีเลยค่ะผู้กอง"

ทันใดนั้น เสียงผู้หญิงกรีดร้องก็ดังขึ้นจากชั้นบนของบ้าน พวกเขารีบวิ่งขึ้นไปตามเสียง

ที่ห้องนอนผู้กองอัศวินและเมธาวีพบร่างของหญิงสาวคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น เธอเสียชีวิตแล้ว และที่น่าตกใจคือ...เธอมีรอยสักรูปดอกบัวที่แขน
ผู้กองอัศวิน: "นี่มัน..."

วิญญาณร้ายลอยเข้ามาใกล้ ผู้กองอัศวินและเมธาวีถอยหลังอย่างหวาดกลัว แสงจันทร์ส่องกระทบใบหน้าซีดเผือดของวิญญาณร้าย เผยให้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความแค้น

วิญญาณร้าย: "พวกแกต้องชดใช้...ทุกคนต้องชดใช้!"
ผู้กองอัศวินตั้งสติ คว้าปืนขึ้นมา เล็งไปที่วิญญาณร้าย แต่เมธาวีคว้าแขนเขาไว้ และบอกให้ผู้กองใจเย็นๆ เนื่องจากวิญญาณไม่สามารถทำร้ายด้วยอาวุธธรรมดาได้ ผู้กองอัศวินลดปืนลง แต่สายตายังคงจับจ้องไปที่วิญญาณร้ายอย่างไม่ลดละ วิญญาณร้ายตนนี้มีวิชาอาคม จึงเริ่มร่ายคาถา ห้องทั้งห้องสั่นสะเทือน ลมพัดกระโชกแรง จากนั้นภายในห้องเกิดภาพหลอนของหญิงสาวที่ถูกฆ่าตายปรากฏขึ้นรอบๆ ตัวพวกเขา
ผู้กองอัศวินและเมธาวีพยายามตั้งสติ พวกเขาหลับตาลงและสวดมนต์ หลวงพ่ออินทร์เคยบอกไว้ว่าการสวดมนต์สามารถปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายได้ เสียงกรีดร้องของวิญญาณร้ายค่อยๆ เบาลง ภาพหลอนค่อยๆ จางหายไป เมื่อพวกเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง วิญญาณร้ายก็หายไปแล้ว

เมธาวี: "เกิดอะไรขึ้นคะผู้กอง?"
ผู้กองอัศวิน: "ผมไม่รู้ แต่ผมคิดว่าเราต้องกลับไปที่วัด

ณ วัดเก่าแก่ที่เดิม
พวกเขารีบกลับไปที่วัดเก่าแก่ หลวงพ่ออินทร์รอพวกเขาอยู่ เมื่อถูกถามว่าเห็นอะไรมาบ้าง ผู้กองอัศวินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หลวงพ่ออินทร์ฟัง ท่านพยักหน้าอย่างเข้าใจ

หลวงพ่ออินทร์: "วิญญาณร้ายตนนั้นคือ 'นางพิม' เธอถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมเมื่อหลายสิบปีก่อน กลุ่มคนร้ายมีรอยสักรูปดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ของแก๊ง และคนที่ลงมือฆ่าเธอคือ... คือบรรพบุรุษของโยมเอง"

ผู้กองอัศวินตกใจกับความจริงที่ได้รับรู้ เขาไม่เคยคิดว่าครอบครัวของเขาจะมีความเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมอันโหดร้ายเช่นนี้ หลวงพ่ออินทร์ได้แนะนำให้ผู้กองอัศวินทำพิธีขอขมาและอุทิศส่วนกุศลให้นางพิม เพื่อปลดปล่อยเธอจากพันธนาการแห่งความแค้น รุ่งเช้าของวันใหม่ ผู้กองอัศวินทำตามคำแนะนำของหลวงพ่ออินทร์ เขาจัดพิธีขอขมาและอุทิศส่วนกุศลให้นางพิมอย่างยิ่งใหญ่ หลังจากพิธีเสร็จสิ้น เขารู้สึกถึงความสงบสุขในใจ เมธาวีหญิงสาวนักข่าวที่ได้เข้ามารับรู้เรื่องราวนี้ด้วยเช่นกัน เธอคอยอยู่เป็นกำลังใจให้กับผู้กองอัศวินอยู่ไม่ห่าง ความรักจึงได้เกิดขึ้นท่ามกลางคดีที่น่าพิศวงนี้

แสงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า ผู้กองอัศวินและเมธาวียืนมองพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน ความลึกลับและความน่ากลัวของคดีนี้ได้จบลงแล้ว แต่บทเรียนเกี่ยวกับเวรกรรมและการให้อภัยจะยังคงอยู่ในใจของพวกเขาตลอดไป พวกเขาได้เรียนรู้ว่า บางครั้งความยุติธรรมก็ไม่ได้อยู่ที่การลงโทษ แต่เป็นการให้อภัยและปลดปล่อย


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมประจำเดือน

เนื้อเพลง "เมาคลีล่าสัตว์" หรือ "เมาคลีด๊านซ์" (มีคลิปล้อเลียน + คลิปต้นฉบับ)

จากกระแสดังในโลกโซเชียล เพลงลูกเสือ เมาคลีล่าสัตว์ วันนี้ทาง Blog จึงยกเอาเนื้อเพลง และคลิปล้อเลียนมาฝากกันครับ...

ที่มางานประเพณีชักพระ (ลากพระ) เดือน ๑๑ | ตัวอย่างงานจาก อบต.ท่าข้าม หาดใหญ่ [ท่านางข้าม]

 หากพูดถึงประเพณีชักพระ หรือลากพระ ซึ่งเป็นพระเพณีที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนานของทางภาคใต้ของประเทศไทย (จะพบประเพณีนี้เป็นส่วนใหญ่)

เมืองลับแล: แกะรอยตำนาน สู่เงาสะท้อนสังคมไทย [โดย ท่านางข้าม]

 เรื่องราวของ "เมืองลับแล" ได้หยั่งรากลึกในจินตนาการร่วมของสังคมไทยมาอย่างยาวนาน ในฐานะดินแดนลี้ลับที่ซ่อนเร้นจากสายตาของโลกภายนอก