ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เรื่องเล่าจากขุนเขา...ปริศนา 9 ชีวิตบน "ภูเขาแห่งความตาย" (Dyatlov Pass Incident) | โดย ท่านางข้าม

 เปิดตำนาน "ช่องเขาดยัตลอฟ": ไขปริศนาโศกนาฏกรรม ภูเขาแห่งความตาย ด้วยวิทยาศาสตร์และทฤษฎีล่าสุด


ณ ดินแดนอันหนาวเหน็บของเทือกเขาอูราลในรัสเซีย มีเรื่องเล่าขานถึงโศกนาฏกรรมที่ยังคงเป็นปริศนาดำมืดมาจนถึงทุกวันนี้ เรื่องราวของ 9 ชีวิตที่ต้องสังเวยให้กับ "พลังธรรมชาติอันทรงพลังที่ไม่อาจต้านทานได้" บนภูเขาที่ชาวบ้านเรียกขานกันว่า "ภูเขาแห่งความตาย"  นี่คือเรื่องเล่าแห่งช่องเขาดยัตลอฟ...


ผู้กล้าท้าความตาย

เดือนกุมภาพันธ์ ปี 1959 คณะนักสกีปีนเขาหนุ่มสาว 9 คน นำโดย "อิกอร์ ดยัตลอฟ" พวกเขาไม่ใช่แค่นักผจญภัยมือใหม่ แต่เป็นผู้มีประสบการณ์โชกโชน การเดินทางครั้งนี้คือบทพิสูจน์ความกล้าหาญเพื่อพิชิตเส้นทางที่ท้าทายที่สุดในสมัยนั้น บันทึกและภาพถ่ายในช่วงแรกของการเดินทางเต็มไปด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพ  ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเป็นรอยยิ้มครั้งสุดท้ายของพวกเขา


ค่ายร้างกลางความหนาว

เมื่อคณะเดินทางขาดการติดต่อไป ปฏิบัติการค้นหาจึงได้เริ่มต้นขึ้น  และในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ทีมค้นหาก็ได้พบกับภาพที่น่าขนลุกและเต็มไปด้วยคำถาม...

เต็นท์ที่พักของพวกเขาถูกทิ้งร้างและพังทลายบางส่วน แต่สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือ มันมีร่องรอยการถูกกรีดจากด้านใน ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการเอาชีวิตรอด ทั้งเสื้อผ้ากันหนาว รองเท้าบู๊ต และอาหาร ยังคงอยู่ครบถ้วน  ราวกับว่ามีบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวจนทำให้พวกเขาต้องหนีตายออกมาอย่างเร่งด่วนที่สุด

ห่างออกไป มีเพียงรอยเท้า 9 คู่ที่มุ่งหน้าลงเขาไปยังแนวป่า...บางรอยเป็นเท้าเปล่า แต่ที่น่าฉงนคือ รอยเท้าเหล่านั้นกลับเป็น "การเดินอย่างเป็นระเบียบ" ไม่ใช่การวิ่งหนีกระจัดกระจาย  มันคือความขัดแย้งที่น่าพิศวงที่สุด...หนีตายอย่างฉุกเฉิน แต่กลับเดินออกไปอย่างสงบ?


ภาพสยองที่พานพบ

การค้นพบร่างของผู้เสียชีวิตยิ่งทวีความลึกลับให้ดำดิ่งลงไปอีก

  1. สองร่างแรกใต้ต้นซีดาร์: ใต้ต้นไม้ใหญ่ ห่างจากเต็นท์ราว 1.5 กิโลเมตร ทีมค้นพบร่างของชายสองคนในสภาพสวมเพียงชุดชั้นใน พวกเขาเสียชีวิตจากความหนาวเหน็บ ร่องรอยกองไฟที่มอดดับและกิ่งไม้ที่หักสูงขึ้นไปถึง 5 เมตร บอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดครั้งสุดท้าย 
  2. สามร่างระหว่างทาง: ร่างของอิกอร์ ดยัตลอฟ ผู้นำกลุ่ม และเพื่อนอีกสองคน ถูกพบในท่าที่บ่งชี้ว่าพวกเขากำลังพยายามคลานกลับไปยังเต็นท์ที่ปลอดภัย  แต่ร่างกายก็ทนต่อความเย็นยะเยือกไม่ไหว สิ้นใจไปเสียก่อน
  3. สี่ร่างสุดท้ายในลำห้วย...ปริศนาที่ดำมืดที่สุด: อีกกว่าสองเดือนต่อมา ร่าง 4 ร่างสุดท้ายก็ถูกพบใต้หิมะหนา 4 เมตร  สภาพของพวกเขาสร้างความตกตะลึงให้กับคณะสืบสวน
    • บาดแผล: บางคนกะโหลกศีรษะแตกอย่างรุนแรง บางคนซี่โครงหักหลายซี่ราวกับถูกแรงอัดมหาศาลกระแทก เทียบเท่ากับอุบัติเหตุรถยนต์ แต่ที่น่าสยดสยองคือ ร่างกายของพวกเขาไม่มีบาดแผลภายนอกที่สอดคล้องกันเลย 
    • อวัยวะที่หายไป: หนึ่งในสมาชิกหญิงของกลุ่ม "ลุดมิลา ดูบินินา" ถูกพบในสภาพที่ไม่มีลิ้นและลูกตา 

เสียงกระซิบจากขุนเขา และเงาของรัฐ

นานัปการทฤษฎีถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อไขปริศนานี้ ทั้งการโจมตีจากชนเผ่าพื้นเมือง , สัตว์ป่าลึกลับ, หรือแม้กระทั่งการทดลองอาวุธลับของกองทัพโซเวียตในช่วงสงครามเย็น การพบกัมมันตภาพรังสีบนเสื้อผ้าของเหยื่อบางราย และคำให้การเรื่องการพบเห็น "วัตถุทรงกลมสีส้ม" บนท้องฟ้าในคืนเกิดเหตุ  ยิ่งโหมกระพือทฤษฎีสมคบคิดให้ลุกลาม แต่ทฤษฎีทั้งหมดก็มีช่องโหว่และไม่สามารถอธิบายบาดแผลประหลาดนั้นได้


บทสรุป...ที่อาจน่ากลัวกว่าเรื่องเหนือธรรมชาติ

เวลาผ่านไปกว่า 60 ปี ปริศนานี้ดูเหมือนจะไม่มีวันคลี่คลาย จนกระทั่งวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ได้เข้ามามอบคำตอบที่น่าจะเป็นไปได้และน่าสะพรึงกลัวที่สุด...

ทีมนักวิทยาศาสตร์ได้ใช้เทคโนโลยีการสร้างแบบจำลองคอมพิวเตอร์ขั้นสูง (ซึ่งเคยใช้สร้างการเคลื่อนไหวของหิมะในภาพยนตร์ Frozen)  เพื่อจำลองสถานการณ์ในคืนนั้น และพวกเขาก็ได้ค้นพบ "ฆาตกร" ที่ซ่อนตัวอยู่ มันไม่ใช่สัตว์ประหลาดหรืออาวุธลับ แต่คือปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "หิมะถล่มแบบแผ่น (Slab Avalanche)" 
นี่ไม่ใช่หิมะถล่มแบบที่เราเห็นในหนังที่เสียงดังสนั่นและพัดพาทุกสิ่งไป แต่มันคือแผ่นหิมะขนาดใหญ่และหนักที่แตกตัวและไถลลงมาอย่างเงียบเชียบ  เกิดขึ้นจากปัจจัยหลายอย่างที่โชคร้ายมาบรรจบกันพอดี:
  1. การกระทำของพวกเขาเอง: การขุดหิมะเพื่อสร้างฐานให้เต็นท์ กลับกลายเป็นการไปตัด "ขา" ของแผ่นหิมะด้านบน ทำให้มันอ่อนแอลง 
  2. สายลมมรณะ: ลมคาตาบาติกที่พัดแรงตลอดคืน ได้พัดพาหิมะมาสะสมบนแผ่นหิมะอย่างช้าๆ เปรียบเสมือนการเติมน้ำหนักบรรทุกทีละน้อยจนถึงจุดวิกฤต 
  3. แรงอัดเงียบ: แบบจำลองชี้ว่า แผ่นหิมะที่หนักอึ้งได้ไถลลงมากดทับเต็นท์ในขณะที่ทุกคนกำลังหลับอยู่บนอุปกรณ์สกีแข็งๆ ของพวกเขา มันทำหน้าที่เหมือนเครื่องอัดไฮดรอลิก สร้างแรงกดมหาศาลที่ทำให้กระดูกภายในแหลกละเอียด โดยไม่ทิ้งร่องรอยบาดแผลภายนอกไว้เลย
พวกเขาไม่ได้หนีจากสัตว์ร้าย แต่หนีจากน้ำหนักของภูเขาที่กำลังจะฝังพวกเขาทั้งเป็น การกรีดเต็นท์จากด้านในคือหนทางเดียวที่จะออกมาได้ แต่เมื่อออกมาแล้ว พวกเขาก็ต้องเผชิญกับความหนาวเหน็บ ความมืดมิด และความสับสนอลหม่าน จนนำไปสู่โศกนาฏกรรมในท้ายที่สุด

บางที...คำสรุปของเจ้าหน้าที่โซเวียตที่ว่าพวกเขาเสียชีวิตจาก "พลังธรรมชาติอันทรงพลังที่ไม่อาจต้านทานได้"  อาจเป็นความจริงที่น่ากลัวที่สุดแล้วก็เป็นได้ พลังของธรรมชาติที่เราคิดว่ารู้จักดี อาจมีแง่มุมที่ลึกลับและโหดร้ายเกินกว่าที่เราจะจินตนาการถึง...แล้วคุณล่ะ คิดว่านี่คือบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดแล้วหรือยัง?


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมประจำเดือน

เนื้อเพลง "เมาคลีล่าสัตว์" หรือ "เมาคลีด๊านซ์" (มีคลิปล้อเลียน + คลิปต้นฉบับ)

จากกระแสดังในโลกโซเชียล เพลงลูกเสือ เมาคลีล่าสัตว์ วันนี้ทาง Blog จึงยกเอาเนื้อเพลง และคลิปล้อเลียนมาฝากกันครับ...

ที่มางานประเพณีชักพระ (ลากพระ) เดือน ๑๑ | ตัวอย่างงานจาก อบต.ท่าข้าม หาดใหญ่ [ท่านางข้าม]

 หากพูดถึงประเพณีชักพระ หรือลากพระ ซึ่งเป็นพระเพณีที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนานของทางภาคใต้ของประเทศไทย (จะพบประเพณีนี้เป็นส่วนใหญ่)

ปรากฏการณ์ยาหลอก (Placebo Effect): พลังแห่งความเชื่อที่รักษาโรคได้ | ค้นคว้าข้อมูลโดย ท่านางข้าม

 วิเคราะห์หลักการแค่เชื่อก็ทำให้หายจากโรคได้ ด้วยพลังใจเปลี่ยนกาย: ไขความลับยาหลอกที่ไม่ใช่แค่คิดไปเอง