ถอดรหัสปริศนา "เอกสารวอยนิช" (The Voynich Manuscript): สมบัติโบราณที่วิทยาศาสตร์ยังไขไม่ได้ และยังคงเป็นคัมภีร์ที่อ่านไม่ออกแม้แต่ AI ที่ฉลาดที่สุด
วันนี้มีเรื่องราวที่ค่อนข้างแปลกลึกลับที่ชวนให้ฉงนสงสัยมาฝากกันครับ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความลับอันดำมืดที่ถูกซ่อนอยู่ในหนังสือโบราณเล่มหนึ่ง ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น "คัมภีร์ที่ลี้ลับที่สุดในโลก" และ "ปริศนาบริสุทธิ์" ที่ท้าทายสติปัญญาของนักปราชญ์ นักภาษาศาสตร์ และนักรหัสวิทยาที่เก่งกาจที่สุดมานานหลายศตวรรษ... และถึงแม้แต่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ทรงพลังที่สุดในยุคปัจจุบันก็ยังไม่สามารถไขปริศนาได้
เอกสารปริศนาวอยนิช (The Voynich Manuscript)
คุณลองจินตนาการดูสิครับว่ามีหนังสือโบราณเล่มหนึ่ง ที่สร้างขึ้นในต้นศตวรรษที่ 15 หน้ากระดาษทำจากหนังลูกวัวถึง 15 ตัว แต่กลับเต็มไปด้วยภาพวาดของพืชพันธุ์ที่ไม่เคยมีใครพบเห็น แผนภาพจักรราศีที่แปลกประหลาด และที่สำคัญที่สุดคือข้อความลายมืออันสละสลวย ที่เขียนด้วยตัวอักษรและภาษาที่ไม่ปรากฏที่ใดในโลก
สิ่งที่เราทราบแน่ชัดเกี่ยวกับเอกสารนี้มีเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นครับ
- ของจริง ไม่ใช่ของปลอม: ผลการตรวจสอบด้วยวิธีหาอายุจากคาร์บอน-14 ในปี 2009 ยืนยันว่าเอกสารวอยนิชเป็นของแท้ ที่สร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1404 ถึง 1438 ทำให้ทฤษฎีที่ว่ามันเป็นของปลอมที่ทำขึ้นในยุคใหม่ต้องตกไป
- มีอาลักษณ์หลายคนช่วยกันเขียน: การวิเคราะห์ลายมือเผยให้เห็นว่าเอกสารนี้ไม่ได้ถูกเขียนขึ้นโดยคนเพียงคนเดียว แต่เป็นผลงานของอาลักษณ์อย่างน้อย 2 คน และเป็นไปได้ว่ามีมากถึง 5 คน ซึ่งบ่งชี้ว่ามันเป็นโปรเจกต์ที่มีโครงสร้างและวางแผนมาอย่างดี
แม้จะมีภาพประกอบอยู่ แต่ภาพเหล่านั้นกลับยิ่งเพิ่มความพิศวงให้กับเอกสารนี้ไปอีกครับ
- ภาพพืชพรรณจากต่างโลก: ส่วนที่ใหญ่ที่สุดของเอกสารเป็นภาพของพืชกว่า 113 ชนิดที่ดูเหมือนพืชผสม หรืออาจเป็นพืชในจินตนาการ ทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่าคือพืชชนิดใดในโลกแห่งความเป็นจริงเลย
- แผนภาพดวงดาวสุดประหลาด: แผนภูมิจักรราศีในเอกสารขาดราศีกุมภ์และราศีมังกรไป และมีภาพสตรีนู้ดตัวเล็ก ๆ จำนวนมาก หรือที่เรียกว่า "นางไม้" (nymphs) มาห้อมล้อมสัญลักษณ์จักรราศีอยู่ ซึ่งไม่เหมือนแผนที่ดาราศาสตร์ใด ๆ ที่เรารู้จัก
แต่สิ่งที่ทำให้เอกสารนี้เป็นปริศนาที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ ก็คือ
ภาษา ที่ใช้เขียนมันครับ
เมื่อนักภาษาศาสตร์วิเคราะห์ข้อความวอยนิชทางสถิติ พวกเขาพบความขัดแย้งที่น่าทึ่ง:
- มันดูเหมือนภาษาจริง: ข้อความในเอกสารวอยนิชเป็นไปตาม กฎของซิปฟ์ (Zipf's Law) ซึ่งเป็นกฎทางสถิติที่ระบุว่าความถี่ของคำในภาษาธรรมชาติจะแปรผกผันกับอันดับความถี่ของคำนั้น ๆ รูปแบบนี้เป็นลักษณะเด่นของภาษาธรรมชาติทุกภาษา และไม่พบในข้อความที่สร้างขึ้นแบบสุ่ม ซึ่งนักวิชาการในศตวรรษที่ 15 ไม่น่าจะรู้จักกฎนี้
- แต่มันไม่ใช่ภาษาธรรมชาติ: ในทางกลับกัน เอกสารนี้กลับมีค่าเอนโทรปี (entropy) หรือความคาดเดาได้ของลำดับตัวอักษรที่ต่ำผิดปกติ ซึ่งหมายความว่ารูปแบบของคำในเอกสารวอยนิชมีความตายตัวและซ้ำซากมากกว่าภาษาธรรมชาติที่เราใช้กันมาก
ความขัดแย้งนี้เองที่นำไปสู่ทฤษฎีต่าง ๆ ที่พยายามจะไขความลับของมัน ซึ่งแต่ละทฤษฎีก็มีน้ำหนักที่แตกต่างกันไป
- ทฤษฎีรหัสลับ (Cipher Theory): เอกสารนี้อาจเป็นภาษาที่เรารู้จัก (เช่น ละติน หรืออิตาลี) ที่ถูกเข้ารหัสไว้อย่างซับซ้อน แต่ทฤษฎีนี้ก็ยังไม่สามารถอธิบายความสม่ำเสมอของโครงสร้างคำได้อย่างสมเหตุสมผล และที่สำคัญที่สุดคือมันต้านทานการถอดรหัสมานานกว่าศตวรรษแล้ว
- ทฤษฎีภาษา (Language Theory): บางคนเชื่อว่ามันอาจเป็นภาษาธรรมชาติที่สาบสูญไปแล้ว หรืออาจเป็น
ภาษาประดิษฐ์ (constructed language) ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในกลุ่มลับบางกลุ่ม ซึ่งเป็นข้อสรุปของนักรหัสวิทยาผู้ยิ่งใหญ่อย่าง วิลเลียม และ เอลิซาเบธ ฟรีดแมน - ทฤษฎีเรื่องหลอกลวง (Hoax Theory): ทฤษฎีนี้เสนอว่ามันอาจเป็นของปลอมที่สร้างขึ้นมาอย่างประณีตเพื่อหลอกผู้ซื้อ แต่การที่ต้องใช้หนังลูกวัวถึง 15 ตัว และมีอาลักษณ์หลายคนทำงานร่วมกัน ทำให้ทฤษฎีนี้ดูไม่น่าเป็นไปได้เท่าไหร่ครับ
และสิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือในช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีความพยายามนำเทคโนโลยีที่ฉลาดที่สุดในยุคของเราอย่าง
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยไขปริศนาด้วย แต่น่าเสียดายที่จนถึงตอนนี้... AI ก็ยังไม่สามารถถอดรหัสเอกสารนี้ได้อย่างสมบูรณ์เช่นกัน ซึ่งยิ่งทำให้เราเห็นว่าปริศนาของเอกสารวอยนิชนั้นซับซ้อนเกินกว่าความสามารถของทั้งมนุษย์และ AI ในปัจจุบัน
บทสรุป: ความจริงที่ซ่อนอยู่ในความล้มเหลว
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือ ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา เอกสารปริศนาวอยนิชได้ท้าทายมนุษยชาติมาโดยตลอด ทั้งนักวิทยาศาสตร์ นักรหัสวิทยา ไปจนถึง AI ทุกคนต่างพ่ายแพ้ให้กับความลึกลับของมัน แต่ในความล้มเหลวเหล่านั้นเอง กลับกลายเป็นแรงผลักดันให้เกิดนวัตกรรมและงานวิจัยใหม่ ๆ ขึ้นมามากมาย และเป็นเครื่องเตือนใจอันทรงพลังว่ายังมีขีดจำกัดของความรู้มนุษย์อีกมากที่เรายังไม่สามารถเข้าถึงได้
คุณผู้อ่านครับ... คุณคิดว่าอะไรคือความหมายที่แท้จริงของเอกสารฉบับนี้? มันคือตำราเวทมนตร์, ตำราการแพทย์โบราณที่สาบสูญ, หรือเป็นเพียงการหลอกลวงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์?
คำตอบสุดท้ายยังคงอยู่ ณ ที่เดิม...รอให้ใครสักคนค้นพบ!
ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนสนใจอยากลองไปเป็นนักสืบเอง สามารถเข้าไปดูภาพสแกนของเอกสารวอยนิชทั้งเล่มได้ฟรีที่เว็บไซต์ของหอสมุดไบเน็กกี มหาวิทยาลัยเยลเลยครับ แล้วมาบอกผมหน่อยนะครับว่าคุณเห็นอะไรในนั้นบ้าง!
(คลิปวิเคราะห์ด้วย AI)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น